วันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีดูรถมือสอง 9 วิธี ที่จะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อรถมือสองได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถจากคนรู้จัก หรือการไปซื้อรถที่เต๊นท์ ขึ้นชื่อว่า “รถมือสอง” บางท่านอาจจะไม่มั่นใจในสภาพรถประเภทนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่ารถมือสองคันนี้มีประวัติอย่างไร เคยเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ วันนี้ไอดีไดร์ฟเวอร์ จะมาแบ่งปัน วิธีดูรถมือสองไม่ให้ถูกหลอก แบบง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถดูเองได้ ซึ่งการดูรถมือสองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
ก่อนที่จะไปถึงบริษัทหรือเต้นท์ขายรถมือสอง ไม่ว่าจะเป็นรถจากเต้นท์หรือรถมือสองรถบ้านก็ตาม ต้องมีการเช็กความน่าเชื่อถือของบริษัทหรือเต้นท์นั้นเสียก่อน มีที่ตั้งหน้าร้านชัดเจน มีรีวิวจากลูกค้าเก่า ๆ เป็นอย่างไรบ้าง มีการรับซื้อรถมือสองหรือไม่ ผู้ซื้อจะได้รู้เบื้องต้นว่ารถที่นำมาขายในกิจการนั้น ๆ เป็นรถมาจากการประมูลหรือรถบ้าน ซึ่งในปัจจุบัน มาตรฐานรถประมูลและรถบ้านแทบไม่มีความแตกต่างกัน เพราะหากเป็นร้านที่ได้มาตรฐานจะไม่นำรถมือสองที่มีประวัติถูกชนหนัก จมน้ำ กลับสี หรือเล่มชำรุดเสียหายมาขายต่อแน่นอน ดังนั้นท่านควรเลือกใช้บริการกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถืออย่าง เพชรยนต์ เพื่อให้ได้รถมือสองคุณภาพดีไปใช้
9 วิธีดูรถมือสอง เบื้องต้นมีวิธีดังนี้
การดูรถมือสองนั้นมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น วิธีดูรถมือสอง เกียร์ออโต้ วิธีดูรถมือสองเกียร์ธรรมดา วิธีดูรถมือสองกระบะ หรือการดูรถเก๋ง มีวิธีดูไม่แตกต่างกันมากนัก โดยการดูเบื้องต้นมีความคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเป็นการดูวิธีเช็คเลขไมล์รถ การกลอไมล์แบบปกติหรือการกรอไมค์ดิจิตอล ซึ่งเลขไมค์รถมือสองสามารถจับสังเกตได้ง่าย ๆ ตามวิธีที่นำเสนอด้านล่างดังนี้
- สังเกตทรงของตัวรถ
การดูรถมือสองอันดับแรกคือการสังเกตจากภายนอกก่อนนั่นคือการดูทรงของรถ โดยต้องดูตอนที่รถคันนี้จอดนิ่งอยู่บนพื้นที่มีพื้นเสมอกัน หากทรงรถหรือตัวรถมีการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งจะให้สันนิษฐานก่อนว่ารถมือสองคันนี้อาจจะมีระบบช่วงล่างของรถมีปัญญาหรือเคยผ่านการดัด เคาะ ตัวถังมาก่อน ซึ่งรถมือสองที่มีอาการเช่นนี้อาจจะถูกชนอย่างร้ายแรงจนเสียหายถึงระดับโครงสร้างรถ ทำให้ตัวถังยุบ ดังนั้นการทำให้ตัวถังของรถมือสองคันนี้กลับมาให้เป็นสภาพดังเดิมคงไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเมื่อมีส่วนที่ต้องประกอบเพิ่มเข้าไปในช่วงล่าง โช๊ค เพลา ที่ต้องเชื่อมต่อกับตัวถังโครงสร้างเดิม ทำให้ไม่อยู่ในองศาเดิมตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดไว้ จึงทำให้รถเสียทรง เสียศูนย์ มีการเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังเป็นต้น ดังนั้นเมื่อเจอรถมือสองรูปแบบนี้ให้สงสัยไว้ก่อนได้เลยว่าเป็นรถที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาแน่นอน
2. ตรวจดูสภาพสีของตัวรถ
ซึ่งการดูสีของรถมือสอง อาจจะต้องมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้าง เพราะว่าการดูสีหรือการดูแล็กเกอร์นั้น หากเป็นรถมือสองที่ไม่มีเคยมีการกลับสีหรือการทำสีมาใหม่ สีเดิมที่พ่นจากโรงงานจะพ่นโดยใช้เทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ในการพ่นจึงมีความสม่ำเสมอของผิวสีที่ดูเนียนตา ไม่มีการเยิ้ม ไม่มีสีหยดหรือเปลือกส้มนูนมากเกินไป และความเข้มสีและแล็กเกอร์ของรถมือสองคันนั้นจะต้องเท่ากันทั้งคัน ไม่เข้มเฉพาะจุดหรือชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดนี้สามารถดูด้วยตาเปล่า และการเคาะสัมผัส การฟังจากเสียงจึงจะรู้ว่าสีรถคันนี้เดิมบางทั้งคันหรือไม่
3. การดูนอตที่ยึดทุกจุด
สำหรับการดูรถมือสอง เรื่องของนอตเป็นอีกจุดสังเกตที่สำคัญเป็นอย่างมาก จุดนี้สามารถสังเกตได้อย่างง่าย ๆ นอตของรถมือสองที่ไม่เคยชนหรือไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเดิมแท้จากโรงงาน นอตจะต้องไม่มีรอยหมุนออกเพราะนั้นเป็นการยืนยันว่าชิ้นส่วนนี้ไม่มีการถูกถอดออกมาเพื่อซ่อมแซมหรือทำสี มั่นใจได้ว่ารถมือสองคันนี้ ทุกอย่าง อะไหล่ต่าง ๆ เป็นของเดิมแท้จากโรงงาน
4. การดูรอยใดอาร์คจากโรงงาน
ตรงจุดนี้ถือเป็นอีกจุดที่สำคัญเป็นอย่างมากของวิธีการดูรถมือสอง นั่นคือ เม็ดอาร์คจากโรงงานตามรอยตะเข็บของฝากระโปรง เสาเอ ว่ายังอยู่ครบหหรือไม่ เพราะหากรอยพวกนี้ไม่มีอยู่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลยว่ารถมือสองคันนี้ได้มีการชนหนัก มีการเปลี่ยนและดัดแปลงโครงสร้างรถมานั้นเอง
5. ตรวจดูยางหุ้มในแต่ละส่วนของรถ
การตรวจนี้จะเป็นการดูยางหุ้มในแต่ละส่วนของรถมือสองอยู่ในสภาพดีแค่ไหน ทั้งขอบยางรอบประตูรถ ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ และชิ้นส่วนวัสดุต่าง ๆ ที่ภายในห้องโดยสารที่เป็นยาง หรือพลาสติกว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ และการตรวจดูภาพรวมของห้องโดยสารทั้งหมด เพราะรถมือสองที่มีปีผลิตที่ลึก วัสดุบางชิ้นอาจมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา เช่น เบาะ เป็นต้น
6. การดูเลขตัวถังของรถมือสอง
จุดนี้เป็นอีกจุดที่สำคัญ เป็นส่วนที่ต้องตรวจเช็คอย่างละเอียด ต้องดูว่าเลขเครื่องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ชัดเจน มีการแก้ไขหรือไม่ ในส่วนของเลขตัวถังจะต้องตรงกับเลขในเล่มทะเบียนรถ หากในส่วนนี้ไม่ตรงกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ารถมือสองคันนี้มีความไม่ชอบมาพากล อาจเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา หรือตัดต่อ ดัดแปลงเครื่องมาอย่างผิดกฎหมายก็เป็นได้
7. การฟังเสียงเครื่องยนต์
ขั้นตอนนี้เป็น วิธีดูเครื่องรถมือสอง ขั้นตอนหนึ่ง การตรวจเช็คในส่วนนี้อาจจะต้องใช้ประสบการณ์ในการฟังเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง การตรวจสอบนี้ควรสตาร์ทเครื่องและฟังเสียงเครื่องยนต์ว่ารถมือสองคันนี้มีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีน้ำมันหยดใต้ท้องรถ มีน้ำมันซึมจากซีลต่าง ๆ ของเครื่อง หรือมีน้ำมันซึมจากระบบกันสะเทือน มีเสียงจี๊ด ๆ จากสายพานหน้าเครื่อง เปิดแอร์แล้วไม่มีความเย็น หรือรอบเครื่องเดินเบาอยู่ในเกณฑ์ต่ำเหมือนเครื่องจะดับ มีความร้อนขึ้น มีไฟเครื่องโชว์อยู่ตลอดเวลา ตัวรถสั่นกระพือทั้งคันรถอย่างแรง ซึ่งเกิดจากยางแท่นเครื่องที่เสื่อมสภาพ โดยอาการทั้งหมดเหล่านี้ เป็นอาการของรถมือสองที่ไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง แม้จะมีการรับประกันมาแล้วก็ตาม เพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากเจอรถมือสองในลักษณะนี้ควรเลี่ยงจะเป็นการดีที่สุด เพราะรถมือสองควรซื้อมาในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่ใช่ซื้อมาแล้วซ่อมไม่จบไม่สิ้นสักทีนั่นเอง
8. การดูเลขไมล์รถมือสอง
เลขไมล์ที่ใช้งานกับปีของรถจะต้องมีความสัมพันธ์กันซึ่งเลขไมล์ปัจจุบันจะมีเลขแบบหมุนและเลขไมล์แบบดิจิตอล โดยวิธีเช็คเลขไมล์รถจะเป็นตัวบ่งชี้อายุการใช้งานของรถ ซึ่งส่วนใหญ่รถระยะทางในการใช้งานต่อปีอยู่ราว ๆ 25,000-35,000 กิโลเมตร หากสมมติว่าคุณต้องการซื้อรถที่มีอายุ 5 ปี แต่เลขไมล์รถอยู่ที่ 50,000 กิโลเมตร สันนิษฐานเบื้องต้นก่อนได้เลยว่ารถคันนี้อาจถูกกรอไมล์มาใหม่ เพื่อให้ดูคล้ายรถที่ใช้งานน้อย ซึ่งในกรณีที่ต้องการทราบว่ารถมือสองมีการกลับกรอไมล์มาหรือไม่ สามารถนำรถยนต์เข้าเช็คที่ศูนย์ของแต่ละแบรนด์ได้เลย ซึ่งรถบ้างคันอาจจะมีการใช้งานน้อยจริง ๆ ตามไมล์ที่โชว์บนหน้าปัด ดังนั้นการนำเข้าศูนย์เป็นอีกวิธีที่เช็คเลขไมล์รถมือสองได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
9. ทดลองขับจริง
การตรวจสอบข้อนี้เป็นจุดที่สำคัญของการซื้อรถมือสอง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถ ควรจะต้องมีการทดลองขับก่อนเสมอ เพื่อทดสอบระบบเบรก ระบบไฟ การฟังเสียงเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ มีการทดสอบระบบเกียร์ว่าสามารถเปลี่ยนได้ตามรอบหรือไม่ มีอาการกระตุก มีเสียงหอนของเกียร์ออกมาหรือไม่ ซึ่งการขับขี่ควรทดสอบเรื่องศูนย์ของรถโดยการให้รถวิ่งทางตรงโดยที่ใช้ความเร็วไม่สูงมาก และลองปล่อยพวงมาลัยสัก 2-3 วินาที ดูว่ารถมีการเอียงซ้ายหรือขวาหรือไม่ ในขณะที่ขับขี่ความรู้สึกของระบบช่วงล่างเมื่อขึ้นลูกระนาดหรือตกหลุม ระบบโช๊คจะต้องซับแรงกระแทกได้ดี และไม่มีอาการเด้งคืนตัวในทันที เพราะหากรถเด้งกระดอนในทันทีแสดงว่ารถมือสองคันนี้มีปัญหาที่ระบบโช๊ค ไม่สามารถหน่วงการคืนตัวของสปริงที่คู่กับโช๊คได้นั่นเอง
จากทั้งหมด 9 วิธีการดูรถมือสองนี้ เป็นการตรวจเช็คเบื้องต้นด้วยตัวเองเท่านั้น ซึ่งการซื้อรถมือสองสักคันนอกจากวิธีการดูรถมือสองที่เสนอไปข้างต้น ผู้ซื้อจะต้องศึกษาข้อมูลรถ รุ่นรถที่ต้องการจะซื้อมาเบื้องต้นพอสมควร เพื่อที่จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ หรือหากไม่มั่นใจในการตรวจสอบของตัวเอง ทางที่ดีควรนำช่างผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์มือสองมาช่วยตรวจสอบและเช็คดูอย่างละเอียด
บทสรุป
ซึ่งข้อสังเกตทั้งหมดนี้คือ การตรวจดูรถมือสองเบื้องต้นเท่านั้น การมองหารถมือสองใช้สักคัน ผู้ซื้อจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับรถรุ่นนั้นๆพอสมควรก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาดูรถ ดังนั้นหากผู้ที่ประสงค์จะซื้อรถยนต์มือสอง สามารถตรวจดูได้เองเบื้องต้นก็อาจนำวิธีการตรวจดูรถมือสองเบื้องต้นตามบทความด้านบนนี้มาใช้พิจารณาได้
การเป็นเจ้าของรถมือสองสักคันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าให้ดีควรหาช่างผู้ชำนาญการด้านรถยนต์ มาช่วยตรวจดูอย่างละเอียด หรือ หาศูนย์รถยนต์มือสองที่ได้มาตรฐาน มีการรับประกันหลังการขาย มีการรับประกันเครื่องเกียร์ โครงสร้าง เลขไมล์ และสามารถนำเลขตัวถังหรือ แชชซี ไปตรวจกับศูนย์บริการได้ เพราะต้นทุนการซื้อรถนั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการซื้อสินค้าชนิดอื่นๆ ดังนั้นเพื่อความแน่ใจจึงควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
ขอขอบคุณ : https://phetyont.com/how-to-check-second-hand-car/