วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากสายลุยที่กำลังเตรียมตัวเดินทางโดยรถจักรยานยนต์คู่ใจ กับ 5 วิธีตรวจเช็กสภาพรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้เดินทางได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่
1.น้ำมันเครื่อง
การตรวจเช็กน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ด้วยตัวเอง สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการตรวจเช็กด้วยก้านวัดน้ำมันเครื่อง ซึ่งจะอยู่ที่ช่วงล่างข้างใดข้างหนึ่งของเครื่องยนต์ ขั้นตอนแรก ต้องจอดรถจักรยานยนต์บนพื้นราบด้วยขาตั้งคู่ ถ้าเครื่องร้อนอยู่ควรทิ้งระยะรอให้เย็นก่อน แล้วค่อยหมุนก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา รอบแรกให้เช็ดก้านวัดน้ำมันเครื่องด้วยผ้าหรือกระดาษชำระ จากนั้นใส่ก้านวัดกลับเข้าไปใหม่แล้วเอาออกมาดูอีกครั้ง ซึ่งจุดนี้มี 2 อย่างที่ควรตรวจเช็ค คือ ระดับน้ำมันเครื่อง และ สภาพน้ำมันเครื่อง
- ระดับน้ำมันเครื่อง ให้สังเกตที่สัญลักษณ์บอกระดับบนก้านวัด ซึ่งจะมีระดับเต็ม (F) กับ ระดับต่ำ (L) ระดับน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมควรจะอยู่ระหว่างสัญลักษณ์นี้ ไม่ควรต่ำหรือสูงกว่า
- สภาพน้ำมันเครื่อง ถ้าคราบน้ำมันเครื่องบนก้านวัดมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ในกรณีที่ถ้าพบว่ามีเศษโลหะปนในคราบน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเครื่องมีลักษณะคล้ายน้ำนม แนะนำให้ปรึกษาช่าง
อย่างไรก็ตาม ในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ บางรุ่นอาจจะตรวจเช็กน้ำมันเครื่องได้ง่ายกว่าผ่านช่องตรวจเช็กน้ำมันเครื่องโดยใช้วิธีการสังเกตเช่นเดียวกับการตรวจเช็กที่ก้านวัดน้ำมันเครื่อง
2.สภาพยาง
ยางรถจักรยานยนต์เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญและทำงานหนัก เนื่องจากต้องสัมผัสกับพื้นถนนที่คาดเดาไม่ได้เป็นเวลานาน หากละเลยการดูแลในส่วนนี้อาจส่งผลต่อการขับขี่ และทำให้เกิดอันตรายระหว่างการเดินทางได้ ซึ่งคุณสมบัติของยางรถจักรยานยนต์ที่เรียกได้ว่าสภาพดีและสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ควรมีลายดอกยางชัด เนื้อยางต้องไม่แข็งกระด้าง และลมยางควรอยู่ในระดับที่พอดี ซึ่งการตรวจเช็กสภาพยางรถจักรยานยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเอง สามารถทำได้ดังนี้
- ดอกยาง ให้ดูที่ความลึกของร่องดอกยางเป็นหลัก ถ้าร่องลึกและชัด (หรืออย่างน้อยก็ไม่สึกและเลือนจนเกินไป) แสดงว่ายางรถจักรยานยนต์ของคุณยังอยู่ในสภาพดี
- ลมยาง ควรตรวจเช็กลมยางเป็นประจำและเติมลมให้ระดับแรงดันอยู่ในมาตรฐานเสมอเพื่อรักษาสภาพยาง และช่วยให้รถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัย
- เนื้อยาง ยางที่ยึดเกาะถนนได้ดีคือยางที่มีเนื้อยางนุ่ม สามารถทดสอบด้วยการใช้เล็บจิกลงไปได้ แต่ถ้าเนื้อยางมีสภาพแข็งกระด้างเมื่อไหร่ ความสามารถในการยึดเกาะพื้นถนนก็จะยิ่งลดลง แนะนำว่าควรเปลี่ยนยางเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ แม้สภาพโดยรวมยังดีอยู่ก็ตาม
3.ระบบเบรก
ระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพสำคัญมากต่อความปลอดภัยในการขี่รถจักรยานยนต์ ถ้าเมื่อไหร่ที่สัมผัสได้ว่าระบบเบรกทำงานผิดปกติ เช่น เบรกไม่ค่อยอยู่ มีระยะเบรกเพิ่มขึ้น หรือมีเสียงแปลกๆ อาจจะต้องลองเช็กสภาพระบบเบรกด้วยตัวเองเบื้องต้น ดังนี้
- เช็กผ้าเบรก ดูความหนา บาง ของผ้าเบรกด้วยตาเปล่า ถ้าพบว่าผ้าเบรกบางเกินไปแล้ว (หรือเหลือความหนาไม่ถึง 3 มิลลิเมตร) แนะนำให้เปลี่ยนผ้าเบรก
- เช็กปริมาณน้ำมันเบรก ในระบบเบรกรถจักรยานยนต์ นอกจากผ้าเบรกแล้ว น้ำมันเบรกก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่สามารถบอกประสิทธิภาพของระบบเบรกได้ โดยทำหน้าที่ในการดันลูกสูบเพื่อดันผ้าเบรกให้บีบกับจานเบรก แปลว่า ถ้าผ้าเบรกบางลง น้ำมันเบรกก็จะเข้าไปแทนที่เยอะขึ้น ดังนั้น ระดับของน้ำมันเบรกที่ลดลงก็เป็นสัญญาณเตือนว่าเราควรดูแลระบบเบรกได้แล้ว
4.ของเหลวในระบบหล่อเย็น
อุณหภูมิก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกระบบของรถจักรยานยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบหล่อเย็น ซึ่งทำหน้าที่รักษาอุณภูมิที่เหมาะสมของเครื่องยนต์จึงถือเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะของเหลวในระบบหล่อเย็น แล้วเราจะตรวจเช็กด้วยตัวเองได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน
- ตรวจเช็กระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ ทำได้ง่ายๆ โดยการเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องเย็น ถ้าเห็นว่าน้ำยาหล่อเย็นพร่องไปควรเติมให้เต็ม การเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นควรทำเมื่อพบว่าน้ำยาหล่อเย็นเริ่มเป็นสีสนิม
- ตรวจเช็กระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อพัก โดยดูที่สัญลักษณ์บอกระดับน้ำ ถ้าน้ำยาหล่อเย็นลดลงไป โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขีดล่างก็ควรเติมให้เต็ม แต่อย่าให้เกินขีดบน
5.สัญญาณไฟและเสียงแตร
ถ้าจะเปรียบเทียบไฟสัญญาณต่างๆ และเสียงแตร เป็นการสื่อสารของรถจักรยานยนต์ก็คงไม่ผิด เพราะทุกครั้งที่เปิดสัญญาณไฟหรือกดแตรคือการบอกให้เพื่อนร่วมถนนคันอื่นๆ รู้ว่าเรากำลังจะเลี้ยว เบรก หรือขอทาง ถ้าเกิดระบบไฟและแตรไม่ทำงาน เท่ากับการขี่รถจักรยานยนต์ของเรานั้นมีความเสี่ยงและอันตรายมากทั้งต่อตัวเราและคนอื่นๆ ดังนั้น ก่อนใช้รถทุกครั้งควรตรวจเช็กสิ่งเหล่านี้ด้วย
สำหรับความผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสัญญาณไฟรถจักรยานยนต์และแตร ได้แก่
- ไฟสว่างไม่เต็มที่
- ไฟกระพริบ หรือติดๆ ดับๆ
- ไฟดับ ไม่ทำงาน
- ฝาครอบไฟร้าวหรือแตก
- แตรไม่ดังหรือมีเสียงที่แปลกไปจากเดิม
ถ้าสัญญาณไฟรถจักรยานยนต์จุดใดจุดหนึ่งและแตรมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ขี่ไปหาช่างก่อนออกเดินทางจะดีที่สุด
ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเพียงการตรวจเช็กสภาพมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเองเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีระบบอื่นๆ ที่ต้องตรวจเช็กด้วยช่างที่มีความชำนาญ หากพบสัญญาณความผิดปกติอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ควรนำรถจักรยานยนต์ไปให้ช่างช่วยดูก่อนออกทริป เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นอาจทำให้ทริปล่ม วันหยุดยาวที่วางแพลนมาหมดสนุกได้ อีกทั้งร้านซ่อม ศูนย์ซ่อมต่างๆ ก็อาจปิดทำการได้เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท ควรตรวจเช็คสภาพรถมอเตอร์ไซค์ให้พร้อมใช้งานก่อนที่จะออกเดินทางเป็นดีที่สุด
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.yamaha-motor.co.th/