รถยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start ถ้าหากวันหนึ่งแบตเตอรี่รีโมทเกิดหมดขึ้นมา ก็ยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติด้วยนะ
โดยปกติแล้วเมื่อแบตเตอรี่กุญแจรีโมทเริ่มอ่อน ระบบจะแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอในรถเพื่อให้คุณรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเร็ว แต่หากละเลยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วล่ะก็ จะทำให้คุณไม่สามารถล็อก-ปลดล็อกประตู รวมถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติ เนื่องจากตัวรถจะไม่สามารถสื่อสารกับกุญแจได้นั่นเอง แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถปลดล็อกและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้
1. ใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่ในตัวรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ โดยวิธีการถอดกุญแจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ จากนั้นใช้กุญแจไขบริเวณมือเปิดประตูเพื่อปลดล็อก ซึ่งระหว่างนี้อาจทำให้สัญญาณกันขโมยดังขึ้นได้
2. ให้นำรีโมทไปแตะบริเวณปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วจึงกดสตาร์ทเครื่องยนต์ตามปกติ เครื่องยนต์จะติดขึ้น และสัญญาณกันขโมยจะดับไปเอง (ตำแหน่งสำหรับแตะกุญแจของรถบางรุ่นอาจแตกต่างกันออกไป โปรดศึกษาจากคู่มืออีกครั้ง)
ทางที่ดีเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่รีโมทโดยเร็ว เพื่อป้องกันอาการ “รีโมทลืมรถ” ซึ่งจะทำให้รีโมทไม่สามารถใช้งานกับรถคันเดิมได้อีก ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้กับรีโมทส่วนมากมักเป็นถ่านกระดุมที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเลือกขนาดให้ตรงกับของเดิมเท่านั้น
เพียงเท่านี้รีโมทก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติด้วยค่าใช้จ่ายไม่กี่สิบบาท ประหยัดเงินกว่าการเข้าศูนย์ที่อาจต้องเสียค่าเปลี่ยนเป็นหลักร้อยหรือหลักพันบาทก็มี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sanook